นั่งทั้งวันไม่ใช่แค่เมื่อย—มัน *กัดสมองให้ช้าแบบเนียน ๆ*
เพราะเชื่อได้แค่ไหน? มันจริงไหม? ยังมีอะไรที่เรายังไม่รู้?

**การนั่งเฉย ๆ ทั้งวันโดยไม่ขยับร่างกาย สมองจะเริ่มช้าหรือเปล่า?**
ก็คิดดู…ร่างกายไม่ปั๊มเลือด ไม่กระตุ้นระบบประสาท สมองมันก็ทำงานเหมือน Wi-Fi สัญญาณดรอป (หมายถึงสมองประมวลผลช้าลงเพราะเลือดไปเลี้ยงไม่พอในชีวิตจริงของคนไทยที่นั่งโต๊ะทั้งวัน)

สุดท้ายสิ่งที่หนักที่สุดไม่ใช่เก้าอี้ แต่คือ “ความเฉื่อยที่เราคิดว่าไม่เป็นไร”

#นั่งนานพังจริง #สุขภาพสมอง #ขยับวันละนิดชีวิตไม่พัง

ทำไมฉันถึงคิดไม่ออก ทั้งที่เมื่อวานนอนเหมือนงูโดนรถทับ?
หรือพลังสมองไม่ได้ “หายไป” หรอก—แค่มันงงว่าเมื่อคืนแกโยนคาเฟอีน 2 แก้ว + นอน 4 ชั่วโมงใส่มันทำไม ปริมาณพักสมองขั้นต่ำจริง ๆ คือ 90–110 นาที แบบไม่แตะหน้าจอเลยนะ ไม่ใช่พักแบบไถฟีด 20 วิแล้วคิดว่าหายล้า
อย่าตกใจถ้าความคิดสร้างสรรค์ดับ เพราะสมองไม่ใช่ปั๊มน้ำมันที่เติมกาแฟแล้ววิ่งได้
ข้อมูลนี้เป็นความเข้าใจทั่วไปด้านพฤติกรรมสุขภาพ ไม่ใช่คำวินิจฉัยทางการแพทย์
#พลังสมองหายเพราะเราเอง
#คิดไม่ออกสักทีเพราะพักไม่จริง
#สุขภาพสายทำงานหนักไทย ๆ

พี่รู้ไหม ทำไมบางคน “นั่งนิ่งทั้งวันเหมือนซอมบี้เปิดคอม”? เพราะเริ่มจากวันละแป๊บเดียว—สุดท้ายกลายเป็นวันละ 6–9 ชั่วโมง แบบไม่ขยับ เหมือนร่างกายขอยอมแพ้ก่อนสมองด้วยซ้ำ
พอทำบ่อย ๆ ร่างมันชินเลย… ชีพจรช้า ระบบไหลเวียนอืด สมองตื้อเหมือนเปิดไฟแต่หลอดไม่ติด พอจะลุกคือ “มึน/ช็อต/แต่ไม่บอกใคร”
และที่โหดคือ แค่นั่งเฉย ๆ นาน ๆ แบบนี้ เสี่ยงเท่าคนที่ไม่ออกกำลังกายเลย แม้จะบอกว่าตัวเอง “สุขภาพโอเคอยู่”
ลองเช็กง่าย ๆ: ถ้าวันนี้พี่นั่งรวม เกิน 4 ชั่วโมงติด โดยไม่ได้ยืดตัวสักครั้ง—ใช่เลย เข้าข่ายซอมบี้เงียบแล้ว
ทำทันที: ลุก 2 นาทีทุก 45 นาที ไม่ต้องคิดเยอะ ไม่ต้องรอแรงบันดาลใจ แค่ขยับให้เลือดมันไหลก่อนจะช้าไปกว่านี้
ปล. ข้างบนนี้ไม่ใช่คำวินิจฉัยโรค เป็นเคสจริงที่เอามาเล่าเตือนเฉย ๆ

นี่คือผิวจริง ไม่ใช่แค่ฟิลเตอร์ ฟิลเตอร์อาจพรางริ้วรอยและรูขุมขน แต่โครงสร้างผิวและสุขภาพแท้จริงวัดได้จากความชุ่มชื้น ความยืดหยุ่น และความเรียบเนียนที่เกิดจากการดูแลผิวอย่างถูกวิธี ไม่ใช่แค่ภาพในหน้าจอ

ส่องแอปทีไรก็สวยทุกที… หรือเรากำลังลืมว่าในชีวิตจริงยังไงก็ไม่สวยขนาดนั้น? (จริง ๆ ภาพสวยเพราะฟิลเตอร์+แต่งรูป ไม่ใช่เพราะหน้าจริง) #สวยเสมือนจริง #อย่าหลงภาพ #สุขภาพจิตดีขึ้น

ดูแลมือ–เล็บให้เนี๊ยบ = อินหรือ “แค่ของแต่งเล่น”?
แบบกวน ๆ สั้นชัดแบบ Critical Audience:

**“นิ้วสะอาด 1 ซม. เล็บเรียบไม่คม 2 มม. ก็ยังมีคนมองว่า ‘เวอร์ไปปะ’”**
แต่เล็บเหลืองเป็นคราบวงๆ (คือเชื้อราเริ่มมา *บริบทไทย: ใส่รองเท้าชื้นๆ บ่อย*) = **สัญญาณไม่น่าไว้ใจสุดๆ**

ทำเดี๋ยวนี้: ตัดสั้นพอดีปลายเนื้อ (1–2 มม.), แช่น้ำสบู่ 3 นาที, เช็ดแห้งให้สนิท (ชื้น = เชื้อรักมาก)
ข้อเท็จจริงโหดๆ: เล็บคือ “หน้าตาเวอร์ชั่นที่เราแกล้งลืมมันง่ายที่สุด” แต่ดันฟ้องทุกอย่างก่อนหน้าเสมอ

*ข้อมูลนี้ให้เพื่อความเข้าใจพื้นฐาน ไม่ใช่วินิจฉัยอาการ*

#มือเหม็นทำไงดี #เล็บเหลืองแก้ยังไง #สุขภาพมือเล็บ #มือดูดีดูแพง #ทำไมเล็บพังเร็ว

พี่เคยได้ยินประโยคว่าใจดีเลยนอนดึกตื่นสาย แต่ความจริงมันคือร่างกายโดนใช้งานจนวินัยหายมากกว่า แบบนี้ไม่ใช่ใจดี แต่คือใจไม่แข็งพอจะปกป้องสุขภาพตัวเอง นอนดึกเรื้อรังส่งผลชัดทั้งระบบฮอร์โมน การฟื้นฟู และสมาธิ ไม่มีข้อยกเว้นสำหรับใครทั้งนั้น

ใครที่ทำให้คุณปิดสวิตช์ความรู้สึกได้ทันที นั่นแหละตัวบ่งชี้ว่าใจคุณเคยโดนกดจนด้าน จำหน้าเขาไว้ให้ดี เพราะคนที่ทำให้เราต้องป้องกันตัวอัตโนมัติ คือคนที่สุขภาพใจเราไม่ควรต้องทนอีกต่อไป

ตอนนี้กรูว่าคำว่า “สุขภาพดี” ไม่ได้แปลว่าผอม เหงื่อหอม หรือกินสลัดยันชาติหน้า แต่มันคือการตื่นมาลุกได้โดยไม่รู้สึกว่าโลกกำลังตบหน้าอยู่ กินของทอดแล้วไม่ต้องนอนสำนึกผิด และวิ่งขึ้นบันไดสองขั้นได้แบบไม่ต้องเขียนพินัยกรรมก่อน

นอนก่อนเที่ยงคืนแต่ตื่นมาเพลีย มันไม่ใช่เวทมนตร์ พี่—มันคือร่างกายกำลังงงว่า “แสง–ฮอร์โมน ตัวไหนหลอกกูอยู่?”
คำตอบคือ **ทั้งคู่** แต่เชื่อแค่ครึ่งเดียวก็หลงทางได้ทั้งชีวิต

คนไทยส่วนใหญ่โดน *Blue Light (แสงฟ้า)* จากจอแบบ **ขนาด 20–40 เซนฯ จากหน้า** นาน **3–6 ชั่วโมงก่อนนอน** จน **Melatonin (ฮอร์โมนง่วง)** ดรอปแบบร่วง แต่ถึงพี่จะปิดไฟนอนก่อนเที่ยงคืน ถ้านาฬิกาชีวิตยังไม่สลับกลับ มันก็ยัง “ตื่นมาเหนื่อย” อยู่ดี

สิ่งที่หลายคนยังไม่รู้คือ ร่างกายต้องการ **ความมืดต่อเนื่อง 60–90 นาที** ก่อนเข้านอน ถึงจะเริ่มผลิตฮอร์โมนง่วงได้จริง (แปลไทย: ต้องมืดจริง ไม่ใช่ปิดไฟแต่เปิดจอ) และต้องการ **แสงเช้า 5–10 นาที** ภายใน **1 ชั่วโมงหลังตื่น** เพื่อรีเซ็ตระบบให้ไม่เพลียวนลูป

สรุปคือ พี่ไม่ได้พัง แค่โดนแสงหลอกกับฮอร์โมนปั่นพร้อมกัน
“นอนก่อนเที่ยงคืน” ไม่ช่วย ถ้า *สภาพแวดล้อมก่อนนอน* พังตั้งแต่ต้น

#นอนดีไม่ใช่ดวง #สุขภาพแบบไม่หลอกตัวเอง

“คุณภาพชีวิต” นี่มันเชื่อได้มากน้อยแค่ไหนวะ? หรือจริง ๆ เราแค่กินข้าวไม่ถึง **250 กรัม/มื้อ** นอนไม่ถึง **6 ชม.** แล้วมโนว่าตัวเอง “บาลานซ์ชีวิต” (แปล: กำลังหลอกตัวเองอยู่) กันแน่
เพราะร่างกายมันไม่หลอกใคร—แค่โหมงาน **7 วันติด** เดี๋ยวไหล่ก็ตึง **3 จุด** หัวก็ตื้อ **2 ระดับ** แบบที่ยาทาเสือกเอาไม่อยู่

มันยังมีอะไรที่เราไม่รู้? เยอะสิ เช่น แค่ดื่มน้ำน้อยกว่า **1 ลิตร/วัน** สมองก็ประมวลผลช้าลง (แปล: คิดไม่ทันคนอื่นเฉย) หรือหายใจตื้น ๆ **20 ครั้ง/นาที** ก็ทำตัวเองล้าแบบงง ๆ แล้วไปโทษจักรวาล

ความจริงคือ “คุณภาพชีวิต” ไม่ใช่คำสวย ๆ มันคือเช็คบิลร่างกายรายวันว่าตกชั้นหรือยัง (แปล: เละหรือยัง)
รู้เพิ่ม = อยู่รอดมากขึ้น แค่นั้น

ข้อสรุป: ถ้ายังไม่วัดอะไรเลยสักอย่าง เราก็แค่เดาแบบคนไทยเดิม ๆ แล้วหวังว่าจะไม่พัง
ข้อจำกัด: ข้อมูลนี้ไม่ใช่การวินิจฉัยโรค ใช้เพื่อให้รู้ว่าตัวเองอาจมั่วอยู่

#คุณภาพชีวิต #สุขภาพกวนๆ #เจ็บแต่จริง

“แก่ไม่ได้น่ากลัว…น่ากลัวตรงที่เราคิดว่ามันยังมาไม่ถึงต่างหาก”

พอมีคนถามว่า *“พี่คิดว่าเมื่อเราแก่ขึ้น สุขภาพจะเปลี่ยนยังไง อยากเตรียมตัวยังไงบ้าง?”*
ฟังดูเหมือนคำถามทั่วไป แต่ความจริงมันคือสัญญาณเตือนว่า
ร่างกายเริ่มส่งโน้ตลับ ๆ มาแล้ว—แบบที่หลายคนยังไม่เก็ต

ระบบ Metabolism (ระบบเผาผลาญของร่างกาย) จะค่อย ๆ ตก
Hormone Regulation (การคุมสมดุลฮอร์โมน) จะเพี้ยนแบบงง ๆ ของคนไทย: *นอนดีแต่ตื่นมางงว่าทำไมเพลียกว่าเดิม*
Recovery Rate (อัตราการฟื้นตัว) จะช้าแบบโคตรเห็นภาพ: *เมื่อก่อนเดินลื่นนิดเดียวจบ แต่ตอนนี้ลื่นทีคือปวด 3 วัน*

ทั้งหมดนี้คือของจริง—แต่สิ่งที่โหดกว่าคือ
เรามักรู้ช้าเกินไปเพราะคิดว่า “ยังไม่ถึงคิวเรา”

นี่แหละช่องโหว่ใหญ่ของวัยผู้ใหญ่ไทยที่คิดว่าตัวเองยังเด็กอยู่เสมอ

พี่! เคยบ่นว่า “ไม่มีเวลา” ดูสุขภาพ แต่พอว่างจริงๆ ดันยืนงงหน้าตู้เย็น ไม่รู้จะเริ่มจากอะไรก่อน
เริ่มง่ายๆ แบบไม่ต้องคิดเยอะ: ดื่มน้ำ 300–500 มล. ก่อนอาหารเช้า, เดิน 10 นาทีหลังมื้อเที่ยง, โปรตีนสัก 20–25 กรัมต่อมื้อ (ภาษาชาวบ้าน: เนื้อไก่ประมาณครึ่งกำปั้นคนไทย)

สัญญาณเตือนที่โคตรไม่น่าไว้ใจ: เหนื่อยง่ายทั้งที่ไม่ได้ทำอะไร, หลับก็เหมือนไม่ได้นอน, กินนิดเดียวก็บวมน้ำ (แปลตรงตัว: ระบบมันเริ่มฟ้อง แต่เราดันชินจนคิดว่าเป็นเรื่องปกติ)

ทำทันที: ตัดคาเฟอีนหลังบ่ายสอง, ปรับเวลานอนให้ได้อย่างน้อยคืนละ 7 ชม., ขยับร่างกายสั้นๆ วันละ 3 รอบ รอบละ 3–5 นาที (บริบทคนไทย: หยิบไม้กวาด เดินขึ้นลงบันได ช่วยได้หมด)

*ข้อมูลนี้เป็นภาพรวม ไม่ได้แทนการประเมินสุขภาพส่วนบุคคลจริง ๆ
และความจริงที่เจ็บคือ: ถ้ารอให้ “พร้อม” ก่อน เรายังจะไม่เริ่มอะไรอีกนานมาก*

“กินให้อร่อย” กับ “กินให้สุขภาพดี” ไม่ได้เป็นศัตรูกัน แต่ถ้าพี่ยังกินมั่วแล้วบอกว่ารักสุขภาพ มันก็แค่คำพูดสวย ๆ ที่หลอกตัวเองอยู่ดี.

ถ้าคนไม่ชอบออกกำลังกายแต่กินอาหารแพง ๆ เขาคิดว่าได้คะแนนสุขภาพไหม? ?

“วิตามินตัวไหนกินแล้วผิวใสจริงบ้าง?”
งั้นฟังให้ดี เพราะถ้ายังมโนอยู่ก็เตรียมหมองต่อไปได้เลย:
ถ้าจะเอา “ผิวใสแบบไม่ต้องฝันกลางวัน”
มันมีอยู่ไม่กี่ตัวที่คนไม่อยากยอมรับเพราะมันตบหน้าแรง:

วิตามิน C (แบบ Ascorbic Acid = ตัวธรรมดา / ภาษาชาวบ้าน: วิตซีพื้นฐาน)
500–1000 mg/วัน = พอ ไม่ต้องยัดเป็นกำ ๆ

Zinc (ช่วยเรื่องรอย/สิวหมอง) 15–30 mg/วัน

Vitamin E (ไม่ต้องตัวเทพ) 200 IU/วัน ก็พอ

Collagen ไม่ได้ขาว แต่มันช่วย “ผิวไม่โทรมจนดูหมอง” 3,000–5,000 mg/วัน

Glutathione = กินได้ แต่ผลมันไม่ปังแบบที่โฆษณา ช่วยแค่ระดับอ่อน ๆ (ภาษาชาวบ้าน: ช่วยให้หน้าไม่หมองง่าย แต่ไม่ใช่ยาฉีดใส)

ฟังให้ชัด ๆ:
ถ้านอนน้อย กินหวาน สูบบุหรี่ ผิวโดนแดด—จะกินวิตามินตัวไหนก็หมองเหมือนเดิม
นี่ไม่ใช่ด่า แต่มันคือความจริงที่คนส่วนใหญ่ไม่กล้าพูด
ปล. ไม่ใช่ทุกคนกินแล้วจะเห็นผลเท่ากัน บางร่างกายดื้อ บางคนแพ้ บางคนไม่ตอบสนอง อย่าไปคิดว่าใครกินอะไร = คุณได้ผลเท่ากัน #ผิวใสทำไงดี #ผิวคล้ำแก้ยังไง #วิตามินผิวใส #ผิวหมอง #สุขภาพผิว

ทำไมสุขภาพใจถึงดูไม่แข็งแรงเท่ากล้าม? 💪
ก็เพราะพี่ซัด “โดพามีนดีเลย์ (ความสุขที่มาช้าแต่โคตรคุ้ม แบบคนไทยไม่ชอบรอ)” ไม่ไหวไง เลยติด “โดพามีนฟาสต์ฟู้ด (ความสุขแบบไวๆ สไตล์เลื่อนฟีดเอาเร็วเข้าไว้)” จนสมองชิน จะให้ใจแข็งแรงได้ไงถ้าฝึกแต่ของง่าย #MentalFitness #เลิกเลื่อนก่อนใจพัง

Overeating โปรตีนทุกวัน กล้ามโตแต่สุขภาพพัง ?

แค่เปลี่ยนอาหารเช้า ชีวิตสุขภาพจะเปลี่ยนจริงไหม?
ก็ถ้าจะหวังแค่ซีเรียลโหลๆ ให้แก้กรรมสุขภาพนะพี่…มันก็เกินไปนิดอะ
จริงอยู่มันมีผล แต่ก็แค่ส่วนเดียวของทั้งวัน (คือกินดีตอนเช้าแต่เย็นฟาดชาไข่มุกสองแก้วก็จบ)
จะเวิร์กได้ มันต้องดูทั้ง *โปรตีน* (อิ่มนาน ไม่วูบ), *ไฟเบอร์* (กวาดลำไส้แบบบ้านๆ), *น้ำตาล* (ลดฟาดหวานตอนเช้า) ให้มันไปด้วยกันหน่อย
#อาหารเช้าง่ายๆ #กินยังไงไม่พัง #เริ่มตรงไหนก่อนดี

นอนกลางวันดี หรือไม่ต้องเลย?

กลางวันง่วงจนหัวดับ แต่หลับทีไรตื่นมามึน เพราะวงจร sleep inertia (ภาวะตื่นมางง ๆ เบลอ ๆ *แบบคนไทยเรียก “ตื่นมาหัวทิ่ม”*) มันเตะเข้าหน้าเต็ม ๆ แบบนี้จะเรียกว่าพักหรือทำร้ายตัวเองกันแน่ #นอนกลางวัน #สุขภาพ睡 #หลับดีชีวิตดี

**ถ้าไม่มีงบทำสวย จะเลือก “ปล่อยโทรม” หรือ “กู้เงินทำหน้า”?**

“จะปล่อยหน้าโทรมแบบรูขุมขนกว้างเท่าเหรียญ 5 (ใหญ่จนแตะแล้วสะดุ้ง) หรือจะกู้หนี้ 30,000–80,000 บาททำหน้าให้สวย 3 เดือนแล้วผ่อนตาย? เลือกดี ๆ เดี๋ยวมีคนมาขายโปร 9,999 แบบกดดันให้โอนก่อนถึงจะได้คิว — นี่แหละสัญญาณไม่น่าไว้ใจ (ภาษาชาวบ้าน: ร้านรีบปิดหนีได้ทุกเวลา)

สแกนด่วน: ถ้าใครพูดว่า *“คอร์สนี้การันตีหน้าเปลี่ยนเหมือนรีทัช”* (หมายถึงสัญญาว่าหน้าจะสวยแบบแต่งรูป) หรือ *“ต้องมัดจำเดี๋ยวนี้”* — คือสัญญาณล่อให้โดนฟาด

ทางรอดเดี๋ยวนี้: เช็กประวัติหมอ เช็กรูป *before-after* ที่ไม่หลอกตา วัดงบแบบตัวเลขจริง 1–3 เดือน ไม่ใช่ว่าใจอยากแต่กระเป๋าไม่มี

เรื่องจริงโหด ๆ: หนี้ความสวยดอกเบี้ยสูงกว่าค่ารักษาหน้าพังหลายคลินิก”

#กู้เงินทำหน้า
#หน้าโทรมทำไงดี
#คลินิกไม่น่าไว้ใจ
#ของถูกแต่เจ็บ
#สายสุขภาพแต่ปากแรง

ทำไมคนออกกำลังกายหนักแต่หน้าดูเหนื่อยกว่าคนไม่ทำ?
เพราะพวกพี่ซัด HIIT วันละ 30 นาทีแบบหอบแฮ่ก ๆ (วิ่งกระแทกหน้าโลก) แต่กินน้ำวันละไม่ถึง 500 ml (น้อยเท่ากระบอกน้ำเด็กอนุบาล)

วิธีรอดตอนนี้:
ดื่มน้ำให้ถึงอย่างน้อย 1–1.5 ลิตรก่อนเที่ยง / ไม่ต้องซัดคาร์ดิโอแบบล้างแค้นโลก / เติมโปรตีนให้ได้สัก 20–30g ต่อมื้อ (20–30 กรัม = อกไก่ประมาณครึ่งชิ้นใหญ่)

ความจริงโหด ๆ:
เหนื่อยหน้า ไม่ได้มาจากออกกำลังกาย… แต่มาจาก “โหมแต่ไม่ฟื้นตัว” (ซ้อมอย่างราชา ฟื้นตัวอย่างยาจก)

ข้อความนี้เป็นข้อมูลทั่วไป ใช้แทนการประเมินสุขภาพส่วนบุคคลไม่ได้

#เหนื่อยหน้าเพราะพี่เอง #ออกกำลังกายแบบทำร้ายตัวเอง #CriticalAudience

การเลือกสายการบินหรือรถไฟที่มีบริการเพื่อสุขภาพ ?

ทุกครั้งที่ฉันถามว่า “สูตรกับ Ingredient เปิดเผยครบไหม?” กลับได้คำตอบแบบเลี่ยง ๆ ไม่ชัดเจน… จะขายของสุขภาพแต่ซ่อนส่วนผสมแบบนี้ ใครจะกล้าเชื่อ!

สารสกัดนี้มันทำงานกับคนทุกคนเหมือนกันจริงหรือ? (คือมันเวิร์กกับทุกคนเลยมั้ย ไม่ใช่แค่โฆษณา)
ลองคิดดี ๆ ก่อนเสียเงินตาม #MarketingHype เพราะร่างกายแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน #สารสกัด #สุขภาพ #ของมันต้องมีหรือเปล่า

เริ่มดูแลตัวเองช้าไปไหม? จะสายเกินแก้หรือเปล่า? ⏳😨
บางทีร่างกายมันก็ไม่รอให้เรามีเวลา ความดันที่เคยนิ่งเริ่มงอแง (แรงดันเลือดสูงขึ้นเพราะเครียด/กินมั่วแบบคนไทยทั่วไป), น้ำตาลที่เคยเชื่องเริ่มกวน (ระดับน้ำตาลขึ้นๆ ลงๆ เพราะนอนน้อย+หวานจัด)
อย่ารอให้หมอบอกว่าพังแล้วค่อยเริ่ม #เริ่มวันนี้ค่อยยังชั่ว #ดูแลตัวเองง่ายๆ #สุขภาพคนทำงาน #นอนพังงานพังชีวิตพัง

ถ้าไม่เริ่มวันนี้ คุณคิดว่าพรุ่งนี้ร่างกายจะเป็นยังไง? 😰
จริงนะ…แค่ 1 วันไม่ออกกำลังกาย กล้ามเนื้อเริ่มอ่อนแรง 0.5% (ถ้าไม่เคยฝึกหนัก) น้ำหนักน้ำในร่างกายลด 100–200 มล. (ผลลัพธ์ชัดถ้าไม่ดื่มน้ำพอ) #สุขภาพไม่รอใคร #ขี้เกียจแล้วพังแน่

ออกกำลังกายจนหุ่นแน่น แต่หน้าดันโทรมเหมือนร่างไปข้างหน้าแล้วหน้าไม่ทันขึ้นรถ เหงื่อออกเท่าไหร่ไม่เท่าความงงว่าทำไมสุขภาพดีแต่หน้าดูเหนื่อยกว่าก่อนเริ่มฟิตอีก

เลิกส่องโซเชียลก่อนนอน หรือยอมนอนแค่ 4 ชม.? งานวิจัยชี้ชัด การนอนน้อยกว่านี้ เพิ่มความเสี่ยงตายก่อนวัย 30% (จริง ๆ นะ เหมือนจับเวลาชีวิตตัวเอง) #นอนให้พอ #สุขภาพ #ตายช้า

(สรุปง่าย ๆ: นอนน้อย = เพิ่มโอกาสตายเร็ว, ปริมาณ 4 ชม./คืน = เสี่ยงตายชัด ๆ)

นอนดึกทั้งที่รู้ว่าต้องตื่นเช้า = ทำร้ายสมองตัวเองชัด ๆ (วงจรฮอร์โมนและการฟื้นฟูร่างกายพังหมด) 😵‍💫 #นอนดึก #สุขภาพพัง #วงจรชีวิตเสีย